You are using an outdated browser. Please upgrade your browser to improve your experience.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก “นายเรืองเดช ร่วมชัยภูมิ” หนึ่งในผู้ร่วมโครงการและได้ติดตามเรื่องนี้มานับสิบปีว่า ที่บ้านของ “นายบุญส่ง สนเสริม” อายุ 85 ปี บ้านเลขที่ 141 หมู่1 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมโครงการปลูกป่าดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึง พบลุงบุญส่งนั่งอยู่ที่เพิงไม้ไผ่ใต้ร่มไม้ด้านล่างกับนางกุหลาบภรรยา ใกล้กันมีบ้านพักอาศัยซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูงสภาพบ้านทรุดโทรม มีลักษณะเอนเอียงใกล้จะล้มพัง พื้นไม้ข้างบนส่วนใหญ่ผุพังเวลาเดินขึ้นลงต้องระมัดระวัง
ลุงบุญส่งวัย 85 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองมีพื้นที่ 7 ไร่ ทำอาชีพปลูกข้าวโพด เลี้ยงวัว หากินไปวันๆ ต่อมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มาเชิญชวนเข้าร่วมโครงการปลูกป่าเมื่อ ปี 2537 ตนเองจึงเข้าร่วมตั้งแต่นั้นจนปัจจุบัน ผ่านมา 30 ปี ไม่สามารถที่จะทำการตัดไม้ไปขายได้ เนื่องจากมีการประกาศเปลี่ยนแปลงยกเลิกพื้นที่ทำกิน ตนไม่เข้าใจว่าแต่ละกระทรวงไม่ได้คุยกันเลยหรือไง ทั้งที่เริ่มแรกก็มีการออกสำรวจ มีงบประมาณสนับสนุน แต่ต่อมาเสมือนความผิดอยู่ที่ชาวบ้าน ตนเองได้เดินเข้าพบเจ้าหน้าที่เกือบทุกที่แล้ว จนปัจจุบันนี้หมดแรงที่จะเดินต่อไป วัวที่เลี้ยงก็ต้องขายกิน เริ่มปลูกป่าตั้งแต่อายุ 50 กว่าปี วันนี้อายุ 86 ปีแล้ว เสียเวลา และเงินก็หมด ปัจจุบันแทบจะสิ้นความหวังแล้ว อยู่ได้เพราะเบี้ยคนชรากับการปลูกกล้วย เลี้ยงไก่ใข่ในพื้นที่ที่เหลือเพื่อขายกินไปวันๆ บนบ้านก็ยังมีลูกชายอายุ 49 ปี ประสบอุบัติเหตุ พิการเดินไปไหนไม่ได้ ก็ต้องดูแลจนกว่าใครจะตายจากกัน ลุงบุญส่งเล่าทั้งน้ำตาคลอเบ้า ครั้งหนึ่งตนเองเคยตัดไม้ที่ปลูกจะมาซ่อมบ้าน ก็ถูกเจ้าหน้าที่มาพบและยึดทั้งไม้และเครื่องมือไปหมด เลยต้องปล่อยสภาพบ้านเป็นเช่นนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะล้มพังแต่เมื่อไหร่ในช่วงเวลากลางวันก็ต้องลงมาพักอยู่ข้างล่าง วันนี้จึงอยากขอความเมตตาและความชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะในส่วนของป่าไม้และกระทรวงเกษตรได้หาทางออกช่วยเหลืออย่างจริงจังสักที
ด้าน นายเรืองเดช กล่าวว่า ชาวบ้านที่ปลูกป่าทั้งในเขต อ.เมืองกำแพงเพชร และเขต อ.คลองลาน นับร้อยราย ยังไม่ได้รับโอกาสจากกรมป่าไม้แต่ประการใด โดยที่ผ่านมาเคยทำหนังสือไปตามขั้นตอนในระดับพื้นที่ไปถึงสูงสุดของหน่วยงานรัฐ ที่เริ่มจากสำนักงานสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงอธิบดีกรมป่าไม้ ปลัดกระทรวง สำนักนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น จนวันนี้เป็นระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมาแล้ว
ล่าสุดกรมป่าไม้ได้มอบเรื่องให้กรมที่ดินจังหวัดจัดพื้นที่ทำกินให้แก่ราษฎรตามโครงการ คทช.(คณะกรรมการที่ดินทำกินแห่งชาติ) และจะอีกสักกี่วันของการตรวจสอบ ของการเดินเรื่องไปตามขั้นตอนที่ย้อนไปมา เพื่อให้ได้หนังสือคู่มือราษฎรที่มีสิทธิ์ใช้พื้นที่ที่ครอบครอง วันนี้ในส่วนของกลุ่มเกษตรกรเองมีความรู้สึกว่าทุกขั้นตอนในการทำงานเสมือนยื้อเวลาไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด เหมือนจะพาเราไปกรุงเทพ แต่ปล่อยทิ้งกลางทางอยุทธยา เราจะต้องหาทางไปกันเอง ปล่อยให้เกษตกรตั้งตารอคอยและติดตามเรื่องเอง โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปติดตามอะไรที่ไหนก็ได้อย่างชัดเจนสักทีก่อนตายในชีวิตนี้
ข่าว/ภาพนายวิทยา จตุรภาค สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร
สนับสนุนข่าวโดย
แสดงความคิดเห็น