อาชญากรรม

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 27 ต.ค.65 เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนขู่จะยิงกัน ที่บริเวณปากซอยเข้าหมู่บ้านโนนม่วง (ติดถนนพหลโยธินขาขึ้น)หมู่ที่ 10 ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่สืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าว เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบวัยรุ่นชายจำนวน 3 คน และหญิงจำนวน 1 คน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยนายฤทธิพล โสไกร อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้ถูกทำร้ายร่างกายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถจักรยานยนต์พร้อมด้วยน้องชายจะเอาของมาส่งบริเวณปากซอยจุดเกิดเหตุ จู่ๆก็มีวัยรุ่นเป็นชายขับรถจักรยานยนต์สี่คัน ประกบหน้าประกบหลังรถของตน โดยกลุ่มชายดังกล่าวได้เข้ามาถามว่าตนเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร จากนั้นก็เข้ามารุมทำร้ายด้วยการชกต่อย พร้อมขู่ว่าจะยิงตน และได้นำโทรศัพท์ของตนที่ตกในที่เกิดเหตุขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นตนจึงขับรถจักรยานยนต์กลับเข้าบ้าน โดยนำเรื่องราวไปเล่าให้ครอบครัวฟัง จึงพากันออกมาบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนออกมาตนได้โทรศัพท์ให้หนึ่งในกลุ่มที่ทำร้ายตนเอาโทรศัพท์ไอโฟนของตนมาคืน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ามีคนเอาโทรศัพท์ของตนมาโยนไว้บริเวณพงหญ้าตรวจจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้ขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามข้อมูลผู้เสียหายอยู่นั้นจู่ๆคู่กรณีของนายฤทธิพล ได้ขับรถจักรยานยนต์วนมาดูที่เกิดเหตุ เมื่อนายฤทธิพล เห็นเข้าจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามไปยังบ้านหลังหนึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดยได้เข้าไปสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้นำโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปหรือไม่ ทำให้เกิดการชุลมุนวุ่นวายขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกัน ซึ่งคู่กรณียอมรับว่าได้ทำร้ายร่างกายในฤทธิพล จริง แต่ไม่ได้ชิงโทรศัพท์มา

จนเกิดการโต้เถียงวุ่นวายอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามอธิบายให้เข้าใจ แต่ฝ่ายที่ทำร้ายนายฤทธิพล ยิ่งคุยไม่รู้เรื่องจะไม่ยอมให้นำตัวผู้ที่ทำร้ายนายฤทธิพลไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ จนต้องพยายามเกลี้ยกล่อมและให้ญาติของหนึ่งในกลุ่มที่ร่วมกันทำร้ายร่างกาย พาไปสถานีตำรวจ โดยทั้งหมดได้เข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ก็เกือบจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก เมื่อต่างฝ่ายต่างเถียงกันจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องห้ามปรามและให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีละฝ่าย โดยคู่กรณีของนายฤทธิพล ยอมรับว่าทำร้ายจริงแต่ไม่ได้ชิงทรัพย์ ขณะที่นายฤทธิพล ยอมรับว่าตนขับรถออกมาส่งแค็ป(ยาทรามาดอล ยาเขียวเหลือง) ให้กับวัยรุ่นในหมู่บ้าน เมื่อคู่กรณีมาถึงได้เข้ามาถามตนว่ามาเป็นใครเป็นคนที่ไหนมาทำอะไร ตนจึงบอกว่าตนมาส่งของ กลุ่มคู่กรณีก็พากันเข้ามารุมทำร้ายตนและน้องชายแต่น้องชายหลบหมัดและวิ่งหนีทันมีตนเท่านั้นที่โดนคนเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจหาสารเสพติดจากกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ก่อนจะสอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินคดีเหตุทำร้ายร่างกายดังกล่าว

ข่าว/ภาพ นายวิทยา จตุรภาค  สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร

สนับสนุนข่าวโดย