You are using an outdated browser. Please upgrade your browser to improve your experience.
เมื่อเวลา 15.00น.วันที่ 19 เม.ย.63 จากกรณี เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ พบซากกวางป่า เพศผู้ ตัวเต็มวัย น้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัมถูกเสือโคร่งขนาดใหญ่ขย้ำคอกัดจนตายทิ้งร่องรอยบาดแผลเป็นรอยเขี้ยวบริเวณคอและบริเวณลำตัวหลายแห่ง บริเวณในปลักน้ำของคลองแม่เรวา ใกล้แปลงปลูกป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำขุนน้ำเย็น เขตหมู่ 24 ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ อยู่กลางป่าลึก ห่างลึกเข้าไปจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ประมาณ 10 กิโลเมตร สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของป่าแม่วงก์ เหมาะเป็นพื้นที่อนุรักษ์เสือโคร่ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกับ WWF นำกล้องดักถ่าย camera taps จำนวน 3 กล้อง ไปติดตั้งไว้รอบซากกวางป่า เพื่อพิสูจน์ทราบ ตามที่ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งมีคนสนใจติดตามเป็นจำนวนมากในโลกออนไลน์ ว่านักล่าอย่างเสือโคร่งจะทำอย่างไรกับเหยื่อต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) พร้อมด้วยนายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้เดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้งพบว่า ซากกวางป่า เริ่มอืด ส่งกลิ่น และมีแมลงวันตอม มากขึ้น ซากกวางป่าถูกลากเลื่อนออกจากจุดเดิมประมาณ 1 เมตร ชิ้นเนื้อซากของกวางป่าบริเวณข้อมือขวา และ ก้น โดนแทะ และบางส่วนชิ้นเนื้อหายไป
จากนั้นได้เปิดภาพจากกล้องที่ตั้งแอบถ่ายไว้ ( คลิป ) พบว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 เวลา 19.28 น.และเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 เวลา 03.02 น. มีหมาไน จำนวน 1 ตัว มากินซากกวางป่าดังกล่าว โดยภาพที่ถ่ายได้ไม่พบสัตว์ใหญ่ชนิดอื่น พบเพียงรอยเท้าของหมี และสัตว์ปีกเข้ามารอบๆ ซาก นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) กล่าวว่า จากการที่พบว่า เสือโคร่งตัวดังกล่าว ไม่กลับมากินซากกวางป่าที่ตนเองล่าไว้ โดยพบร่องรอยเพียงรอยตีนเสือมาเดินวนเวียนอยู่ห่างๆ ในวันแรกหลังจากล่าแล้วเพียงวันเดียว จากนั้นไม่พบว่าเสือกลับมาหาเหยื่ออีกเลย ทำให้เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า เสือผู้ล่าได้ยอมทิ้งซากแล้ว ทั้งที่โดยทั่วไปแล้ว เสือจะไม่ยอมทิ้งซากง่ายๆ และจะหวงซากมากและ จะทำร้ายสัตว์อื่นๆ รวมทั้งมนุษย์หากเข้าไปใกล้ซากที่มันล่าไว้ การที่เสือทิ้งซากในครั้งนี้
อาจเป็นเพราะเสือตัวนี้ เป็นเสือที่มีประสบการณ์เอาตัวรอดสูง โดยเมื่อเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามา หรือ ได้ยินเสียงรถยนต์ กลิ่นควันท่อไอเสียรถ ก็ รู้ว่ามีคนเข้ามาในพื้นที่ คิดว่าไม่ปลอดภัย หรือ อีกอาจเป็นเพราะยังอิ่มอยู่ เนื่องจาก ณ จุดห่างออกไปจากจุดนี้ประมาณ 500 เมตร มีกระดูกของหมูป่า 1 ตัว ยังมีเลือดติดสดๆ กองอยู่
ทางอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ร่วมกับ WWF ยังคงตั้งกล้องดักถ่าย camera taps ไว้รอบซากกวางป่าตัวนี้ ต่อเนื่องต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงวิชาการที่สมบูรณ์มากขึ้น อันจะนำไปใช้ในการวางแผนจัดการสัตว์ป่าต่อไป
ข่าว/ภาพ นายวิทยา จตุรภาค สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร
สนับสนุนข่าวโดย
แสดงความคิดเห็น