You are using an outdated browser. Please upgrade your browser to improve your experience.
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 15.00 น ที่บริษัทสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัยประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 111 ม.2 ถ.พหลโยธิน ตำบลธำมรงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้เผยต่อผู้สื่อข่าวว่าตนเองได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งขอความเป็นธรรมในกรณีสัญญาเช่าคลังสินค้าตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554 /2555 , นาปรัง 2555 , นาปี 2556 ที่องค์การคลังสินค้ากระทรวงพาณิชย์ ได้ทำไว้กับทางบริษัทเพื่อใช้พื้นที่เก็บรักษาข้าวสารตามโครงการรับจำนำ จำนวน กว่า 5 ล้านกระสอบ โดยองค์การคลังสินค้าจะต้องจ่ายค่าเช่าตามจำนวนข้าวสาร ที่นำมาเก็บจริงในอัตรากระสอบละ 2 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมาทางองค์การคลังสินค้า ได้ทำการจ่ายเงินค่าเช่าตามข้อตกลง ซึ่งบริษัทได้รับค่าเช่าจากองค์การคลังสินค้า ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 องค์การคลังสินค้ามิได้ดำเนินการจ่ายค่าเช่า ตามข้อตกลงตามสัญญา ซึ่งปัจจุบันองค์การคลังสินค้ายังคงค้างค่าเช่า จำนวนกว่า 336 ล้านบาท และตามบันทึกข้อตกลงแนบท้ายสัญญาขององค์การคลังสินค้า กรณีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลว่า องค์การคลังสินค้าจะทยอยจ่ายค่าเช่า คลังสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆตามงบประมาณที่ได้รับจากรัฐบาล ให้กับบริษัทสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน
สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายที่ยังคงค้างจ่ายคงเหลือ องค์การคลังสินค้าจะจ่ายหลังจากที่ได้ประมาณจากรัฐบาลแล้วให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับงบประมานและนอกจากนั้นยังยินยอมให้บริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด สามารถยึดหน่วงสินค้าในคลังได้ หากองค์การคลังสินค้าผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้แก่บริษัทฯ จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญา ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกับสัญญาที่ผิดนัดมาเป็นเวลาหลายปี ตนเองจึงเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมในกรณีการจ่ายค่าเช่าคลังสินค้าของตน ที่คงค้างอยู่จำนวนกว่า 336 ล้านบาท นอกจากนั้น ตนเองยังต้องการให้องค์การคลังสินค้า ดำเนินการขนย้ายข้าวสารตามสัญญาเช่าคลังสินค้าในคลังหลังที่ A1 ซึ่งองค์การคลังสินค้าได้เปิดประมูลขายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ เมื่อปี 2562 โดยบริษัทผู้ชนะการประมูลเริ่มขนย้ายข้าวสารออก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 โดยยังคงเหลือข้าวสารบางส่วนประมาณ 2 พันตัน ทิ้งไว้ที่หน้าคลังสินค้า เป็นเวลานานถึง 8 ปี เสียหาย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก เจ้าของคลังสินค้าวอนให้ มาดำเนินการขนย้ายข้าวสารจำนวนนี้ออกจากพื้นที่บริษัทโดยด่วน ซึ่งตนเองก็ได้ทำหนังสือแจ้งถึงองค์การคลังสินค้า ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันถึง 8 ฉบับด้วยกัน
ขณะเดียวกันในวันนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก นายสุรเดช ยูนุช อายุ 59 ปีผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวบริษัทยูนิตี้พร้อย ซึ่งตนได้เป็นตัวแทนบริษัทในการควบคุมการออกข้าวให้กับบริษัทผู้ชนะการประมูลภายในคลังสินค้าสิงห์โตทองฯหลังที่ 13 เปิดเผยว่า วันนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่าข้าวสารที่ตนเองควบคุมการปล่อยออกในวันนี้ ยังคงเป็นข้าวที่มีคุณภาพ ที่คนและสัตว์กินสามารถบริโภคได้ ไม่สมควรนำไปแปรรูปเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ด้วยการนำไปเผา
ข่าว/ภาพ นายวิทยา จตุรภาค สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร
สนับสนุนข่าวโดย
แสดงความคิดเห็น